
พบสมองมนุษย์ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิด เมื่อ 2000 ปีก่อนกลายเป็นแก้วสีดำ
วันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ BBC รายงานข้อมูลการค้นพบสมองบางส่วนของชายหนุ่มผู้เสียชีวิตไปเมื่อเกือบ 2000 ปีที่แล้วกลายเป็นแก้วชิ้นเล็ก ๆ ซึ่งนักวิจัยกล่าวว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมากแต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้
ก่อนหน้านี้ นักโบราณคดีได้ขุดค้นพบร่างชายหนุ่มอายุราว 20 ปีที่นอนเสียชีวิตบนเตียง ในอาคารของสมาคมแห่งหนึ่งที่เรียกว่า "คอลลีเจียม" (collegium) บริเวณถนนสายหลักในเมืองเฮอร์คิวเลเนียม (Herculaneum) ของจักรวรรดิโรมันโบราณ ในเหตุการณ์ภูเขาไฟวิซูเวียสระเบิดเมื่อปี ค.ศ. 79 ซึ่งสถานที่แห่งนี้คือบริเวณใกล้เมืองเนเปิลส์ของอิตาลีในปัจจุบัน เมื่อนักวิทยาศาสตร์ศึกษาร่างดังกล่าวก็พบว่า สมองบางส่วนของเขากลายเป็นแก้วสีดำชิ้นเล็ก ๆ ขนาดตั้งแต่ไม่กี่มิลลิเมตร จนถึง 1-2 เซนติเมตร ซึ่งถือเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ที่เนื้อเยื่อสิ่งมีชีวิตจะกลายเป็นแก้วได้หลังได้รับความร้อนสูงมาก แต่ก็อาจเป็นไปได้กับสมองที่มีกระโหลกศีรษะป้องกันอีกชั้นหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม หลังจากทีมนักวิจัยได้ทดลองในห้องปฏิบัติการแล้วพบว่ายังไม่สามารถสร้างปรากฏการณ์นี้ได้ แต่ได้อธิบายถึงความเป็นไปได้นี้ว่าขณะเกิดภูเขาไฟระเบิด จะมีกลุ่มก๊าซร้อนจัด เถ้าถ่าน และเศษหินภูเขาไฟ พวยพุ่งออกมาและไหลไปโดยรอบด้วยความเร็วสูง เรียกว่า กระแสไพโรคลาสติก (Pyroclastic flow) ความร้อนจากกระแสไพโรคลาสติกที่สูงกว่า 500 องศาเซลเซียสทำให้ไขมันในร่างกายลุกไหม้ ความชื้นในเนื้อเยื่อระเหยทันที แล้วเมื่อกระแสความร้อนนี้ไหลผ่านไป อุณหภูมิจะเย็นลงอย่างรวดเร็ว เนื้อเยื่อสมองเกิดการหลอมและจับตัวแข็งกลายเป็นแก้ว โดยทีมวิจัยยืนยันว่า แก้วสีดำที่พบนี้ คือส่วนของสมอง เพราะพบโปรตีนที่มีแต่ในสมองมนุษย์ปะปนอยู่ และยังมีกรดไขมันที่มีอยู่เฉพาะในเส้นผมของมนุษย์ด้วย ทั้งนี้รายงานผลการวิเคราะห์ดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ Scientific Reports เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568
อ้างอิง
https://www.bbc.com/thai/features-51235992