
นักวิจัยพบว่าหนูทดลองที่กินอาหารคีโตเป็นระยะเวลานาน แม้จะลดน้ำหนักได้จริง แต่มีภาวะไขมันในเส้นเลือดสูง ดื้อน้ำตาล และตับทำงานผิดปกติ
วันที่ 19 กันยายน 2568 เว็บไซต์ ScienceNews นำเสนอผลงานศึกษาผลของการกินอาหารคีโตในหนูทดลองโดย Molly Gallop ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา จาก Earlham college และคณะ พบว่าหนูทดลองมีน้ำหนักลดลงได้จริง แต่มีปัญหาด้านสุขภาพบางอย่าง เช่น ไขมันในเลือดสูง ปัญหาเกี่ยวกับตับ ฮอร์โมนอินซูลิน และเมื่อให้หนูเหล่านี้กลับไปกินอาหารปกติที่มีไขมันสูง น้ำหนักตัวจะกลับมาเพิ่มขึ้น
การกินอาหารแนวคีโตได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ต้องการลดน้ำหนักโดยไม่อดอาหาร ด้วยการกินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ แล้วกินอาหารประเภทไขมันเข้าไปทดแทนพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต โดยหวังให้ร่างกายปรับตัวเพื่อดึงไขมันในร่างกายมาเผาผลาญให้มากขึ้น ทั้งนี้ในปัจจุบันวงการแพทย์ยังไม่อาจสรุปถึงผลระยะยาวที่เกิดขึ้นจากการกินอาหารแนวนี้ ด้วยอายุของมนุษย์ และการกินคีโตอย่างต่อเนื่องแบบยาวนานยังเป็นเรื่องยาก นักวิจัยจึงศึกษาในหนูทดลองที่มีอายุสั้นกว่า ให้กินอาหารที่กำหนดเป็นเวลา 8 เดือน ผลคือ หนูที่กินอาหารคีโตมีน้ำหนักลดลงได้จริง แต่พบความผิดปกติบางอย่างในร่างกายหนู นั่นคือ มีการหลั่งอินซูลินบกพร่อง ทำให้ไม่สามารถจัดการกับน้ำตาลในเลือดได้ ถือเป็นภาวะดื้อน้ำตาล ถัดมาคือมีภาวะไขมันในเลือดสูง และยังพบว่าหนูเพศผู้มีภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งนักวิจัยคาดว่า การกินอาหารไขมันสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำอาจเป็นสาเหตุของผลดังข้างต้น
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยได้กล่าวว่าผลที่เกิดขึ้นกับหนูที่กินอาหารคีโตไม่ได้หมายความว่าจะเกิดกับมนุษย์เช่นกัน นั่นทำให้ กรณีที่ผู้เชี่ยวชาญให้ผู้ป่วยลมชักกินอาหารแบบคีโตเพื่อรักษาอาการป่วยนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลว่าจะเกิดผลเช่นเดียวกับหนูทดลอง อีกทั้งผู้ป่วยก็กินอาหารคีโตเป็นระยะไม่นาน
อ้างอิง
https://www.sciencenews.org/article/keto-diet-health-risk-glucose-high-fat
https://www.science.org/doi/10.1126/sciadv.adx2752