
ทีมวิจัย อพวช. เผยผลวิจัยไมโครพลาสติกในทะเลหมู่เกาะสุรินทร์และสิมิลัน คาดการณ์ถึงผลกระทบไปยังอาหารของคนไทย
วันที่ 20 ตุลาคม 2568 ดร.อารมณ์ มุจรินทร์ ผู้อำนวยการกองนิเวศวิทยา สำนักวิชาการพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) เผยผลวิจัยล่าสุดโดยทีมวิจัยจากกองนิเวศวิทยา ในการศึกษาไมโครพลาสติกในหมู่เกาะสุรินทร์และสิมิลัน จากการเก็บตัวอย่างน้ำบริเวณผิวน้ำทะเลเพื่อตรวจหาไมโครพลาสติกที่ล่องลอยอยู่ในน้ำ และศึกษาไมโครพลาสติกในปลิงทะเลที่หากินบริเวณพื้นทรายใต้ทะเลเพื่อตรวจหาไมโครพลาสติกที่ตกตะกอนอยู่บนผืนทรายใต้ทะเล ผลการวิจัยพบไมโครพลาสติกทั้งสองแบบ โดยปริมาณที่พบในน้ำทะเลบริเวณหมู่เกาะสิมิลัน = 1.93 ± 1.42 ชิ้น/ลิตร และหมู่เกาะสุรินทร์ 1.11 ± 0.75 ชิ้น/ลิตร และพบว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มฝ้ายผสมใยสังเคราะห์ ทำให้สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากเสื้อผ้า ส่วนปริมาณที่พบในปลิงดำ Holothuria atra = 24.1 ± 14.05 ชิ้น/ตัว และในปลิงชมพู Holothuria edulis = 6.73 ± 5.35 ชิ้น/ตัว ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโพลีเอสเตอร์ และพอลิเอทิลีน เทเรฟทาเลต (PET) ที่มีความเป็นไปได้สูงว่ามาจากอุปกรณ์ประมง และพลาสติกที่เป็นบรรจุภัณฑ์อาหารหรือช้อนส้อมพลาสติก
ดร.รุ่งทิพย์ วงศ์เลอศักดิ์ หนึ่งในทีมวิจัยกล่าวว่า กรณีของไมโครพลาสติกจากฝ้ายผสมใยสังเคราะห์ที่พบในน้ำทะเลนั้น น่าจะมาจากการซักทำความสะอาดเสื้อผ้าตามปกติของคนเรา นั่นแปลว่าไม่ว่าจะอยู่ไกลจากทะเลเพียงใด ไมโครพลาสติกที่เกิดจากกระบวนการเหล่านี้ก็จะไหลรวมกันไปสู่ปลายทางที่เป็นทะเลและมหาสมุทร ส่วนกรณีไมโครพลาสติกที่พบในปลิงทะเลนั้น ชี้ไปถึงอุปกรณ์ในการทำประมงต่าง ๆ เช่น เชือก อวน แห รวมถึงพลาสติกที่ใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์ เช่น กล่อง ช้อน ส้อม ขวดน้ำ ที่ล้วนผ่านปัจจัยแวดล้อมในทะเลและเวลา จนแตกตัวกลายเป็นไมโครพลาสติกจมลงสู่ก้นทะเลแล้วปะปนไปกับอาหารของปลิงทะเลที่เป็นสัตว์หากินที่ผิวทรายใต้ทะเล
งานวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Toxics เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ผลวิจัยดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ไมโครพลาสติกไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทุกคนบนโลกรวมถึงคนไทยเองก็กำลังเผชิญหน้ากับไมโครพลาสติกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการพบไมโครพลาสติกในน้ำทะเลและปลิงทะเล อาจคาดการณ์ได้ว่า สัตว์ทะเลน้อยใหญ่ชนิดอื่น ๆ ก็อาจมีไมโครพลาสติกด้วย ไม่ว่าการกินเข้าไปโดยตรงหรือผ่านระบบห่วงโซ่อาหารที่สิ่งมีชีวิตกินต่อกันเป็นทอด ๆ รวมถึงมนุษย์ที่เป็นผู้บริโภคในระดับท้าย ๆ ของห่วงโซ่ ก็จะสะสมไมโครพลาสติกที่รับต่อกันมาเป็นทอด ๆ เช่นเดียวกัน
ดร.รุ่งทิพย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า งานวิจัยดังกล่าวแค่เพียงยืนยันถึงไมโครพลาสติกที่มีอยู่ในปลิงและน้ำทะเลบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ส่วนอันตรายของไมโครพลาสติกนั้น ยังไม่มีผลวิจัยที่มากพอจะสรุปได้ มนุษย์ยังคงต้องใช้ชีวิตไปตามปกติแค่มีความตระหนักถึงผลพวงของขยะพลาสติกให้มากขึ้น ทั้งนี้ผลการวิจัยนี้อยู่ภายใต้โครงการวิจัย “ความหลากชนิด บทบาท และผลกระทบสิ่งแวดล้อมของสัตว์ทะเลที่มีความสัมพันธ์ร่วมกับเอคไคโนเดิร์ม เพื่อส่งเสริมความตระหนักรู้ด้านนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมทางทะเลของประเทศไทย” ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) มีแผนจะขยายไปศึกษายังพื้นที่อื่นเพื่อเข้าใจภาพรวมการกระจายตัวของไมโครพลาสติกในพื้นที่ประเทศไทยให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจคือ เราได้เห็นแล้วว่า ไมโครพลาสติกไม่เลือกชนชั้น เราอาจพบในอาหารข้างทาง เช่น เมนูปลาทะเลทั่วไป หรืออาหารระดับภัตตาคารอย่างปลิงทะเลน้ำแดง ดังนั้นปัญหาไมโครพลาสติกจึงน่าจะเป็นปัญหาที่ทุกคนควรร่วมกันใส่ใจ
ภาพตัวอย่างไมโครพลาสติกที่พบในน้ำทะเล (A) ลักษณะเส้นใยสีฟ้า (B) ลักษณะแผ่นสีเหลือง
เครดิต รุ่งทิพย์ วงศ์เลอศักดิ์
ลักษณะของไมโครพลาสติกที่พบในน้ำทะเล (A-D) สีที่พบ(E–H) รูปร่าง และ (I–L) องค์ประกอบของไมโครพลาสติกที่พบบริเวณอ่าวงวงช้าง (หมู่เกาะสิมิลัน)(แถวแรก) เกาะเก้า (หมู่เกาะสิมิลัน)(แถวที่สอง) สต็อก (หมู่เกาะสุรินทร์)(แถวที่สาม) และตอรินลา (หมู่เกาะสุรินทร์)(แถวที่สี่)
เครดิต รุ่งทิพย์ วงศ์เลอศักดิ์
(A) สี (B) รูปร่าง และ (C) องค์ประกอบของไมโครพลาสติกที่พบในปลิงดำ (Holothuria atra) (D) สี (E) รูปร่าง และ (F) องค์ประกอบของไมโครพลาสติกที่พบในปลิงชมพู (Holothuria edulis)
เครดิต รุ่งทิพย์ วงศ์เลอศักดิ์