ยาฉีดสู้หัวใจวาย: นวัตกรรมใหม่ช่วยชีวิตผู้ป่วย 'ก่อนถึงมือหมอ'
Science News Categories
Publish date
18/11/2025
Image

ยาฉีด 'Zalunfiban' ผ่านการทดสอบเฟส 3 ช่วยผู้ป่วยหัวใจวายได้ตั้งแต่บนรถพยาบาล

 

สำหรับผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิด STEMI (heart attack) หรือภาวะหัวใจวายที่เกิดจากหลอดเลือดอุดตันเฉียบพลัน เวลา คือปัจจัยชี้ขาดความเป็นความตาย ทุกวินาทีที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อัตราการรอดชีวิตจะลดลงอย่างต่อเนื่อง การรักษามาตรฐานในปัจจุบันคือการเปิดหลอดเลือดที่อุดตัน ซึ่งมักจะเริ่มต้นเมื่อผู้ป่วยเดินทางถึงโรงพยาบาลแล้ว


แต่ในสัปดาห์นี้ ที่ประชุม American Heart Association Scientific Sessions ได้มีการประกาศผลการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 (Phase 3) ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งเป็นขั้นสุดท้ายก่อนยื่นขออนุมัติ ยาตัวใหม่นี้มีชื่อว่า "Zalunfiban" (หรือ Disaggpro) พัฒนาโดยบริษัท CeleCor Therapeutics ที่ถูกออกแบบมาเพื่อซื้อเวลาและย้ายการรักษาให้เริ่มต้นได้ตั้งแต่บนรถพยาบาลหรือจุดเกิดเหตุ ก่อนที่ผู้ป่วยจะถึงมือแพทย์ในห้องฉุกเฉิน


Zalunfiban เป็นยาในกลุ่ม GPIIb/IIIa inhibitor ซึ่งทำหน้าที่หลักในการยับยั้งเกล็ดเลือดไม่ให้จับตัวกันเป็นลิ่มเลือด และช่วยสลายลิ่มเลือดที่กำลังอุดตันหลอดเลือดหัวใจ แม้ว่ากลไกนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ความพิเศษของ Zalunfiban อยู่ที่การออกแบบมาเพื่อสถานการณ์ฉุกเฉินโดยเฉพาะ ความพิเศษอย่างแรกคือ ฉีดง่าย ยาต้านเกล็ดเลือดประสิทธิภาพสูงส่วนใหญ่ในปัจจุบันจำเป็นต้องให้ผ่านหลอดเลือดดำ ซึ่งยุ่งยากและอาจล่าช้าบนรถพยาบาล แต่ Zalunfiban ถูกออกแบบมาให้เป็นยาฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (subcutaneously) ทำให้หน่วยกู้ชีพสามารถฉีดยาให้ผู้ป่วยได้ทันที ต่อมาคือ ออกฤทธิ์เร็ว โดยยาจะเริ่มทำงานเพื่อลดการก่อตัวของลิ่มเลือดในระหว่างการเดินทาง โดยความสามารถในการต้านเกล็ดเลือดของ Zalunfiban จะคงอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วจะค่อย ๆ หมดไป

 

การที่ยาออกฤทธิ์สั้นแค่ 2 ชั่วโมง อาจดูเหมือนเป็นจุดอ่อนแต่ในความเป็นจริงนี่คือ คุณสมบัติที่สำคัญที่สุด และแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในกระบวนการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน ทางออกของ Zalunfiban คือ ยานี้ถูกออกแบบมาให้เป็นการบำบัดแบบเชื่อมต่อ (Bridge Therapy) โดยมันทำงานอย่างเต็มที่ใน 2 ชั่วโมง ระหว่างการเดินทางเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วย และเมื่อผู้ป่วยไปถึงเตียงผ่าตัด ฤทธิ์ของยาก็จะเริ่มจางลงพอดี ทำให้ทีมแพทย์สามารถดำเนินการรักษาขั้นตอนต่อไปได้ทันทีโดยไม่ถูกรบกวน


นวัตกรรมของ Zalunfiban ไม่ใช่แค่ตัวสารเคมี แต่คือการปฏิวัติโลจิสติกส์ทางการแพทย์ (Medical Logistics) โดยมีเป้าหมายคือการย้ายช่วงแห่งการรักษา (treatment window) จากเดิมที่ต้องรอจนถึงประตูห้องฉุกเฉิน ให้ไปเริ่มต้นที่รถพยาบาลได้ทันที

 

ผลการทดลอง CeleBrate เฟส 3 ซึ่งเป็นการศึกษาขนาดใหญ่ในผู้ป่วยกว่า 2,467 ราย ใน 45 แห่งทั่วยุโรปและอเมริกา ได้ยืนยันแล้วว่า Zalunfiban บรรลุเป้าหมายทั้งด้านประสิทธิผลและความปลอดภัย (efficacy and safety endpoints) ความสำเร็จนี้ต้องยกเครดิตให้กับการสนับสนุนจากสถาบันอย่าง Harrington Discovery Institute ที่ University Hospitals ซึ่งช่วยผลักดันยาจากห้องทดลองสู่การทดลองทางคลินิกที่ช่วยชีวิตผู้คนได้จริง

 

อ้างอิง
https://www.eurekalert.org/news-releases/1105908

Created by
เรียบเรียงโดย ปิโยรส เปรมเสถียร กองสื่อสารวิทยาศาสตร์ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ