จับตาอาหารวาฬจากอวกาศ: NASA พัฒนาเทคโนโลยีติดตามแพลงก์ตอนเพื่อช่วยชีวิตวาฬใกล้สูญพันธุ์
Science News Categories
Publish date
26/05/2025
Image
1

เทคโนโลยีจากอวกาศช่วยระบุตำแหน่งอาหารหลักของ “วาฬไรท์แอตแลนติกเหนือ” อย่างแม่นยำ เพิ่มโอกาสป้องกันการชนเรือและติดอวน

 

นักวิทยาศาสตร์จาก NASA กำลังใช้ข้อมูลจากดาวเทียมเพื่อช่วยปกป้องวาฬไรท์แอตแลนติกเหนือ (North Atlantic right whale) ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใกล้สูญพันธุ์ที่สุดในโลก ที่เหลืออยู่เพียงราว 370 ตัว โดยอาศัยการตรวจจับแพลงก์ตอนสัตว์ขนาดเล็กชนิดหนึ่งชื่อ แคลานัส ฟินมาร์คิคัส (Calanus finmarchicus) ซึ่งเป็นแหล่งอาหารหลักของวาฬ โดยทีมวิจัยได้นำเทคโนโลยี MODIS (Moderate Resolution Imaging Spectroradiometer) บนดาวเทียม Aqua มาติดตาม “ส่วนที่เป็นสีแดง” ในมหาสมุทร ซึ่งมาจากเม็ดสีธรรมชาติของแพลงก์ตอนที่สะท้อนจากผิวน้ำ เพื่อระบุตำแหน่งและความหนาแน่นของแหล่งอาหารได้แม่นยำยิ่งขึ้น

 

Calanus finmarchicus
Calanus finmarchicus

 

 

ภาพถ่ายจากดาวเทียมของนาซา เมื่อเดือนมิถุนายน 2009 ที่ทดสอบการวิเคราะห์ด้วยเทคนิคใหม่ในตรวจจับความหนาแน่นของ Calanus finmarchicus ในอ่าวเมน ภาพจาก NASA Earth Observatory image by Wanmei Liang, using data from Shunmugapandi, R., et al. (2025)
ภาพถ่ายจากดาวเทียมของนาซา เมื่อเดือนมิถุนายน 2009 ที่ทดสอบการวิเคราะห์ด้วยเทคนิคใหม่ในตรวจจับความหนาแน่นของ Calanus finmarchicus ในอ่าวเมน ภาพจาก NASA Earth Observatory image by Wanmei Liang, using data from Shunmugapandi, R., et al. (2025)

 

 

นอกจากการติดตามแพลงก์ตอนจากอวกาศแล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังผสานข้อมูลจากแบบจำลองและการสำรวจภาคสนาม เพื่อสร้างภาพรวมของแหล่งอาหารวาฬในอ่าวเมน (Gulf of Maine) ที่ละเอียดกว่าเดิม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการคาดการณ์เส้นทางการอพยพของวาฬ และช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถวางแผนรับมือได้ทัน เช่น การเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ประมง เพื่อลดความเสี่ยงจากการที่วาฬว่ายไปติดอวนหรือถูกเรือชน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการตายและบาดเจ็บในวาฬไรท์

 

แม้เทคโนโลยี MODIS จะมีข้อจำกัดในการแยกแยะสีของสิ่งมีชีวิตบางชนิด และได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ แต่ดาวเทียมรุ่นใหม่อย่าง PACE (Plankton, Aerosol, Cloud, ocean Ecosystem) ของ NASA เช่นกัน ที่เปิดตัวในปี 2024 จะเข้ามาเสริมการสำรวจด้วยความละเอียดสูงขึ้น โดยสามารถตรวจจับแสงได้ถึง 280 ความยาวคลื่น ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถแยกชนิดของแพลงก์ตอนได้แม่นยำขึ้น นักวิจัยระบุว่า เทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการอนุรักษ์วาฬ ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

วาฬไรท์แอตแลนติกเหนือ ชื่อ “Bowtie” ถูกถ่ายภาพจากน่านน้ำอ่าวเมน เมื่อเดือนมกราคม 2025 ภาพจาก New England Aquarium, taken under NMFS permit # 25739
วาฬไรท์แอตแลนติกเหนือ ชื่อ “Bowtie” ถูกถ่ายภาพจากน่านน้ำอ่าวเมน เมื่อเดือนมกราคม 2025
ภาพจาก New England Aquarium, taken under NMFS permit # 25739

 

อ้างอิง

https://science.nasa.gov/earth/nasa-data-helps-map-tiny-plankton-that-feed-giant-right-whales/

Created by
เรียบเรียงโดย ณฐพรรณ พวงยะ กองสื่อสารวิทยาศาสตร์ ​องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ