ประชากรหมีขั้วโลกมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่รวดเร็วผิดปกติ ซึ่งเกิดจาก "Transposable Elements" หรือ "ยีนกระโดด”
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย East Anglia (UEA) สหราชอาณาจักร ตีพิมพ์ผลงานในวารสาร Mobile DNA เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา เผยถึงหลักฐานสำคัญที่ชี้ว่า หมีขั้วโลกในพื้นที่แถบตะวันออกเฉียงใต้ของกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอากาศอบอุ่นกว่าส่วนอื่น ๆ กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับพันธุกรรมเพื่อเอาตัวรอดจากสภาพแวดล้อมที่ร้อนขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นผ่านกลไกที่เรียกว่า "ยีนกระโดด" (Jumping Genes) หรือองค์ประกอบของดีเอ็นเอที่สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้เองภายในจีโนม และส่งผลต่อการทำงานของยีนอื่นๆ ได้ ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับการเขียนรหัสพันธุกรรมใหม่เพื่อตอบสนองต่อความเครียดจากสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน
การศึกษานี้พบว่าหมีขั้วโลกในกลุ่มดังกล่าวมีการทำงานของยีนที่เกี่ยวข้องกับความเครียดจากความร้อน การชะลอวัย และระบบเผาผลาญพลังงาน แตกต่างไปจากหมีขั้วโลกในพื้นที่ทางเหนือที่หนาวเย็นกว่าอย่างชัดเจน สาเหตุหลักเชื่อว่ามาจากการที่น้ำแข็งละลาย ทำให้พวกมันหาอาหารประเภทไขมันสูงอย่างแมวน้ำได้ยาก และต้องหันมากินอาหารที่เป็นพืชมากขึ้น ร่างกายของพวกมันจึงพยายามปรับเปลี่ยนระดับโมเลกุลเพื่อให้สามารถย่อยและดูดซึมสารอาหารจากแหล่งอาหารใหม่นี้ได้ รวมถึงปรับตัวให้ทนต่ออากาศที่ร้อนขึ้น
แม้นี่จะเป็นข่าวดีที่แสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติในการดิ้นรนเพื่ออยู่รอด และเป็นครั้งแรกที่มีการยืนยันทางสถิติว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในธรรมชาติสามารถเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอเพื่อสู้กับโลกร้อนได้ แต่ทีมนักวิจัยย้ำเตือนว่า นี่เป็นเพียงกลไกการเอาตัวรอดเฮือกสุดท้ายเท่านั้น ไม่ใช่ทางออกถาวร เพราะหากอุณหภูมิโลกยังคงสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ การวิวัฒนาการตามธรรมชาติอาจไล่ตามความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศไม่ทัน และหมีขั้วโลกก็ยังคงเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อยู่ดีหากมนุษย์ไม่เร่งแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ