
นักดาราศาสตร์ตรวจพบคลื่นวิทยุจากดาวเทียมของนาซา "Relay 2" ที่ถูกปลดประจำการมานานกว่า 60 ปี คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าสถิตหรือเศษอุกกาบาตพุ่งชน สะท้อนภัยเงียบจากขยะอวกาศ
วันที่ 16 มิ.ย. 2025 ทีมนักวิจัยจากหลายสถาบันในออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และแอฟริกาใต้ นำโดย ดร. Clancy James จาก Curtin University ได้เผยแพร่รายงานการตรวจสอบสัญญาณวิทยุลึกลับที่กล้องโทรทรรศน์วิทยุ ASKAP ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย รับได้ในเดือน มิ.ย. ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณคลื่นวิทยุสั้น ๆ ความยาวเพียง 30 นาโนวินาที ที่ความถี่ 695.5–1031.5 เมกะเฮิรตซ์ สัญญาณแรงจนสว่างกว่าวัตถุใด ๆ บนท้องฟ้าในขณะนั้น ซึ่งทำให้ทีมวิจัยประหลาดใจ เนื่องจากกล้องโทรทรรศน์วิทยุ ASKAP มุ่งเป้าสำรวจการระเบิดของวิทยุเร็ว (fast radio bursts: FRBs) จากจักรวาลอื่น แต่สัญญาณนี้อยู่ใกล้มาก โดยห่างจากโลกประมาณ 4,500 กิโลเมตรเท่านั้น
ดร. Clancy James อธิบายว่า ตอนแรกทีมวิจัยคิดว่าอาจเป็นพัลซาร์ดวงใหม่ (ดาวนิวตรอนที่หมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วและปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาเป็นระยะ ๆ) หรือวัตถุในท้องฟ้าแปลก ๆ แต่เมื่อวิเคราะห์ลึกลงไป มันใกล้มากจนกล้องโทรทรรศน์ยังโฟกัสให้ชัดไม่ได้
การตรวจสอบตำแหน่งของสัญญาณอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกทั้งในแง่ของเวลา ความถี่ และทิศทางของคลื่น พบว่า มันมาจากจุดเดียวกับตำแหน่งของดาวเทียม Relay 2 อย่างแม่นยำ แม้ว่าดาวเทียมนี้จะไม่มีการทำงานใด ๆ เหลืออยู่แล้วก็ตาม ดาวเทียม Relay 2 ของนาซานี้ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรในปี 1964 เพื่อทดสอบระบบสื่อสารทางอวกาศ หยุดใช้งานในปีถัดมา และระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดดับลงอย่างสมบูรณ์ในปี 1967 เหลือเพียงซากโลหะโคจรอยู่รอบโลก
ทีมวิจัยสันนิษฐานว่า สัญญาณที่รับได้อาจเกิดจากเหตุการณ์ภายนอก เช่น การปล่อยประจุไฟฟ้าสถิต (electrostatic discharge) ที่เกิดจากการสะสมประจุไฟฟ้า แล้วปลดปล่อยออกมาเป็นประกายคล้ายฟ้าแลบ หรืออาจเป็นผลมาจากการชนของเศษอุกกาบาตขนาดเล็ก ที่ทำให้เกิดพลาสมาและแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา อย่างไรก็ตาม ดร. Karen Aplin จากมหาวิทยาลัยบริสตอล สหราชอาณาจักร ซึ่งไม่ได้อยู่ในทีมวิจัย ให้ความเห็นว่า สัญญาณที่ได้จากทั้งสองกรณีนี้จะคล้ายกันมาก จึงยากที่จะบอกได้แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร
การค้นพบนี้ถือเป็นหลักฐานแรกของสัญญาณวิทยุระยะสั้นระดับนาโนวินาทีที่มีต้นกำเนิดจากดาวเทียมปลดประจำการ และอาจเปิดทางใหม่ในการเฝ้าระวังอันตรายจากไฟฟ้าสถิตในดาวเทียม โดยเฉพาะในยุคที่มีดาวเทียมขนาดเล็ก ราคาถูก ซึ่งป้องกันไฟฟ้าสถิตในระดับจำกัด อยู่เต็มวงโคจร ทั้งยังเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับนักดาราศาสตร์และวิศวกรอวกาศทั่วโลกในการเตรียมรับมือกับภัยเงียบจากขยะอวกาศในอนาคต
อ้างอิง
https://arxiv.org/abs/2506.11462
https://www.newscientist.com/article/2485157-dead-nasa-satellite-unexpectedly-emits-powerful-radio-pulse/