ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) กลับมาทบทวนและหารือเรื่องความปลอดภัยของสารประกอบอะลูมิเนียมที่เติมในวัคซีนมานานกว่า 70 ปี หลังมีประเด็นคำถามบางส่วนจากสังคม

วันที่ 4 ธันวาคม 2568 เว็บไซต์ Science ได้รายงานเรื่องที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกาหรือ CDC มีกำหนดหารือในประเด็นความปลอดภัยของสารอะลูมิเนียมที่เติมลงในวัคซีนมานานกว่า 70 ปี ทั้งนี้อะลูมิเนียมในวัคซีนนั้นอยู่ในรูปของสารประกอบเกลืออะลูมิเนียมและถูกเติมเข้าไปในปริมาณเล็กน้อยเพื่อทำหน้าที่เป็นสารเสริมฤทธิ์ ช่วยให้ภูมิคุ้มกันตอบสนองกับโปรตีนในวัคซีนได้ดีขึ้น หากไม่มีสารเหล่านี้ระบบภูมิคุ้มกันจะไม่ได้รับการกระตุ้นให้แข็งแกร่งพอจะต่อสู้กับเชื้อโรคได้  อีกทั้งยังช่วยลดจำนวนการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิได้ด้วย อย่างไรก็ตามสารเสริมฤทธิ์นี้ก็ยังมีผลข้างเคียงอยู่บ้างคือ ปวดกล้ามเนื้อหรือบวมบริเวณที่ฉีด แต่วัคซีนเหล่านี้จะได้รับการทดสอบความปลอดภัยก่อนนำมาใช้ในสหรัฐอเมริกา โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) 

วัคซีนที่มีสารเสริมฤทธิ์นี้กลายเป็นประเด็นคำถามว่ามีความปลอดภัยกับเด็กจริง ๆ หรือไม่ เมื่อมีนักวิจัยและคนที่ไม่เชื่อในข้อมูลของวัคซีนอ้างว่า สารประกอบอะลูมิเนียมในวัคซีนอาจเกี่ยวข้องกับอาการแพ้อาหารในเด็ก ความเสี่ยงกับโรคออทิสซึม ด้านคณะกรรมการที่ปรึกษาว่าด้วยแนวทางการสร้างภูมิคุ้มกันของ CDC เองก็เตรียมพิจารณาว่าการสัมผัสกับสารเสริมฤทธิ์อะลูมิเนียมจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหอบหืดตามที่มีผู้เคยรายงานไว้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นต่าง ก็ให้ข้อสังเกตว่า ปริมาณของสารอะลูมิเนียมในวัคซีนนั้นน้อยกว่าที่ทารกได้จากนมแม่และนมผงเสียอีก โดยมีข้อมูลจากองค์การอาหารและยา (FDA) ระบุว่าแหล่งอะลูมิเนียมที่มนุษย์ได้รับมากที่สุดมาจากอาหารและน้ำดื่ม แม้ประเด็นเรื่องความปลอดภัยนี้จะอยู่ในระหว่างการหารือ แต่ก็สร้างความกังวลให้กับวงการการผลิตวัคซีนว่า หากเกิดการเปลี่ยนแปลงกับการเติมสารเสริมฤทธิ์นี้ อาจส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพของวัคซีนหรือต้องมีการค้นคว้าวิจัยหาสูตรวัคซีนใหม่ ๆ ให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่า นั่นอาจใช้เวลาหลายปีรวมถึงงบประมาณจำนวนมากในการค้นคว้าวิจัยด้วย

อ้างอิง
https://www.science.org/content/article/what-s-fuss-about-aluminum-vaccines