
ยามเช้าท่ามกลางสายหมอกปลายฤดูฝน ผมนั่งอยู่ที่จุดสังเกตการณ์ประจำบนกระท่อมวิจัยหน่วยห้วยมดแดง กลิ่นดินชื้นกับกลิ่นใบไม้เปียกพัดมากับอากาศบางเบา เงาดำทะมึนค่อย ๆ ปรากฏจากฝั่งตรงข้ามของลำห้วย—เป็นฝูงควายป่า Bubalus arnee นอนเกาะกลุ่มเคี้ยวเอื้องอย่างสงบ มีเพียงสองตัวใหญ่ที่ยืนเฝ้าระวังอยู่อย่างแข็งขัน ดั่งผู้คุ้มภัยแห่งพงไพร
ผมรู้ทันทีว่าภาพตรงหน้ามีค่าเกินกว่าจะปล่อยผ่านไปเฉย ๆ จึงค่อย ๆ ย่องเข้าหาโดยอาศัยพุ่มไม้และตรวจทิศทางลมอย่างระมัดระวัง แต่ในโลกของสัตว์ป่า สัญชาตญาณไม่เคยหลับใหล เวรยามของฝูงเริ่มขยับตัว ส่งเสียงเตือน ฝูงควายลุกขึ้นช้า ๆ เด็กควายวิ่งหามารดา สายตาทั้งหมดจับจ้องมาทางผม ในชั่วอึดใจที่ต้องตัดสินใจว่าจะ “นิ่ง” หรือ “ถอย”—ผมเลือกอยู่นิ่ง... และฝูงควายเลือกถอยอย่างมีระเบียบ ก่อนจะลับหายไปในป่าลึก
ควายป่าเป็นหนึ่งในสัตว์ป่าสงวนของไทย และจัดเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ระดับโลก (Endangered – IUCN) การได้พบพวกมันในถิ่นอาศัยตามธรรมชาติ ไม่ใช่แค่โชคดี แต่มันคือการสัมผัสอดีตของป่าไทยที่ยังไม่ถูกรบกวน การได้ “จ้องตากับควายป่า” จึงไม่ใช่เพียงการเผชิญหน้ากับสัตว์ชนิดหนึ่ง...แต่มันคือการจ้องตากับเงาของอดีต ความหวังของป่า และอนาคตของการอนุรักษ์